เมื่อชีวิตต้องเผชิญบททดสอบที่ท้าทาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเรารู้สึกอ่อนล้าและหลงทาง มันอาจทำให้เราต้องหยุดตั้งคำถามถึงความหมายของการมีอยู่ และค้นหาเส้นทางที่จะก้าวต่อไป แม้ใจจะว้าวุ่นและฟุ้งซ่านไปกับความคิดต่าง ๆ แต่เมื่อเราปล่อยให้จิตสงบลงแล้วลองมองรอบตัว เราจะพบว่าสรรพสิ่งรอบกายยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติ
- ต้นไม้ยังคงให้ร่มเงา
- สายน้ำยังหล่อเลี้ยงชีวิต
- ลมยังพัดโชยให้ความเย็นสบาย
- ดวงอาทิตย์ยังส่องแสงนำทาง
- ดวงจันทร์และดวงดาวยังให้ความสงบในค่ำคืน
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า ความทุกข์และความฟุ้งซ่านนั้นอยู่เพียงในใจเราเอง ซึ่งไม่เคยหยุดวิ่งไขว่คว้า และอยากเร่งลัดให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจ แต่ในความเป็นจริง วันเวลาเดินไปทีละวันอย่างเป็นจังหวะของมันเอง
เมื่อเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว การฝืนว่ายเพื่อเข้าฝั่งทั้งที่มองไม่เห็นจุดหมาย อาจทำให้เราหมดแรงไปก่อนที่จะถึงฝั่ง บางครั้งสิ่งที่เราต้องทำอาจไม่ใช่การเร่งฝืน แต่เป็นการหยุดและไว้วางใจในชีวิต
ลองปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามกระแสน้ำ บางทีการลอยไปกับสายน้ำอาจทำให้เราเจอท่อนไม้ที่จะช่วยพยุงเราให้พักพอมีแรง หรือเจอสถานที่ปลอดภัยที่เราไม่เคยคาดคิด
ศรัทธาในชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแม้ในช่วงเวลาที่มืดมน ชีวิตก็มักจะมอบหนทางหรือโอกาสให้เราเสมอ หากเราพร้อมที่จะเปิดใจยอมรับและก้าวไปอย่างสงบ เมื่อนั้นเราจะมองเห็นเส้นทางที่แท้จริงของเราเอง
แล้วคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเราต้องทำไงน้อ
ตอบลบ